ตามที่ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ยุคปฏิรูปการปกครอง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันแรกๆ
ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ว่าจะเปลี่ยนจุดเน้น
หรือเป้าหมายสำคัญของการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการใหม่
โดยจะเน้นให้ผู้เรียนมีคุณธรรมนำความรู้
ไม่ใช่ความรู้คู่คุณธรรมที่ใช้กันมาเหมือนแต่ก่อน
จนกลายเป็นสโลแกนที่อ้างถึงของคนทั่วไป โดยเฉพาะคนวงในการศึกษา
แต่ในการปฏิบัติจริงแล้ว กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เพราะสถาน
ศึกษาส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน
เก่งด้านวิชาความรู้เป็นหลัก
ไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญในด้านคุณธรรมเท่าใดนัก ดังนั้น
ด้านคุณธรรมจึงค่อนข้างแผ่วเบามาก มิได้ดำเนินไปอย่างควบคู่
หรือเท่าเทียมกัน ตามสโลแกนที่ตั้งไว้อย่างสวยหรู
หากเราสามารถนำการจัดการเรียนการสอนด้าน
วิชาความรู้กับด้านคุณธรรมขึ้นตราชั่งแล้ว
จะเห็นได้ชัดเจนว่าตราชั่งคงจะเอียงกระเท่เร่
เพราะการจัดการเรียนการสอนที่เน้นด้านความรู้ทางวิชาการนั้น
จะมีน้ำหนักกว่าการสอนด้านคุณธรรมหลายเท่า
การบูรณาการเข้าด้วยกันก็มีน้อยเต็มที จึงมีผลให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย
ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เด็กอาจจะเรียนเก่งรอบรู้วิชาการด้านต่างๆ
แต่มีปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรม
เด็กจะถูกบังคับโดยปริยายจากระบบการศึกษาที่สอนให้มุ่งแข่งขันชิงดีชิงเด่น
กัน เพื่อให้ตนเองมีโอกาสเรียนต่อสูงขึ้นในระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออก
สังคมของเราทุกวันนี้ จึงเต็มไปด้วยคนเก่ง แต่ไร้คุณธรรม
มีการทุจริตคอร์รัปชั่นกันเป็นว่าเล่น
ทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตแทบล่มสลายหลายครั้งหลายหน
ดังนั้น การที่ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คนปัจจุบัน ออกมาให้นโยบาย
หรือจุดยืนดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่กระทรวงศึกษาธิการจะทำได้สำเร็จมากน้อยเพียงใด
ก็ขึ้นอยู่ว่ากระทรวงจะมีมาตรการ หรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
อันจะนำไปสู่การจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาที่เน้นคุณธรรมนำความรู้
และการเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานของผู้บริหารและครูอาจารย์ในสถานศึกษา
ซึ่งเคยชินกับการสอนที่เน้นความรู้มากกว่าคุณธรรมได้อย่างไร
เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ
การวัดผลประเมินผลจะต้องมีเกณฑ์การวัดด้านคุณธรรมจริยธรรมของผู้เรียน
ซึ่งค่อนข้างเป็นนามธรรมให้ชัดเจน
และอาจจะพาดพิงไปถึงการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา
ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
(สมศ.) ด้วย เพราะเมื่อกระทรวงเปลี่ยนนโยบาย
หรือจุดเน้นที่ยึดเรื่องคุณธรรมนำความรู้ สมศ.ก็จะต้องกลับลำใหม่
เพราะเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกของ
สมศ.สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยเฉพาะเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกในมาตรฐานที่ 5
ซึ่งเป็นการประเมินความรู้ และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตรนั้น อาจมีปัญหาที่
สมศ.ใช้ข้อทดสอบ National Test (NT)
เข้าไปวัดความรู้ทางวิชาการในเชิงการเปรียบเทียบ หรือการแข่งขันของเด็ก
โดยไม่คำนึงถึงความพร้อมของเด็ก
รวมทั้ง ปัจจัย
และสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา จึงทำให้ผลการประเมินมาตรฐานที่ 5
ของสถานศึกษาส่วนใหญ่ค่อนข้างต่ำ มีหลายแห่งได้คุณภาพระดับปรับปรุง
ซึ่งตามเกณฑ์การประเมินของ
สมศ.ถือว่าถ้าโรงเรียนใดได้มาตรฐานตัวใดตัวหนึ่งใน 14
มาตรฐานอยู่ในระดับปรับปรุง ให้ถือว่าโรงเรียนนั้นล้มเหลวทั้งหมด
ไม่ได้เกณฑ์คุณภาพของ สมศ.ถึงแม้ว่ามาตรฐานตัวอื่นจะอยู่ในเกณฑ์ดี
หรือพอใช้ก็ตาม ก็จะต้องถูกล้มกระดานไปด้วย
โดยเฉพาะมาตรฐานที่ 1 ด้านคุณธรรมจริยธรรม
และมาตรฐาน ที่ 2, 3 ด้านสุขภาพอนามัย และสุนทรียภาพ
ซึ่งเป็นเรื่องการอยู่ดีมีสุข ถึงแม้จะได้คะแนนดีเท่าใดก็ตาม
ก็จะถูกล้มกระดานไปด้วย ซึ่งคงไม่เป็นธรรมสำหรับสถานศึกษา
เพราะจะถูกประณามว่าล้มเหลวขนาดเข้าขั้นโคม่า หรือเข้าห้องไอซียูเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น